ข้อดีของการติดฟิล์ม
การเลือกชนิดฟิล์ม
ควรเลือกชนิดฟิล์มให้เหมาะสมกับสถานที่และการใช้ประโยชน์ในส่วนนั้น โดยคำนึงถึงสีของกระจก ความเข้มและการสะท้อนของแสงที่อาจจะรบกวนผู้อื่น โดยอาจเผื่อความเข้มไว้บ้าง เนื่องจากฟิล์มจะมีความเข้มลดลงตามกาลเวลาและตามชนิดของฟิล์ม
การติดฟิล์มบ้านหรืออาคารไม่จำเป็นต้องใช้ฟิล์มชนิดเดียวกันหรือความเข้มเดียวกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละพื้นที่ แต่อาจจะมีเศษของฟิล์มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
วิธีการคำนวณฟิล์มที่ใช้
ในการคำนวณฟิล์มที่ใช้ เราจะวัดขนาดความกว้างและความสูงของกระจกแต่ละบาน โดยวัดขอบด้านในส่วนที่เป็นกระจก และต้องปัดเศษขึ้นไม่ให้ฟิล์มขาด เช่น 72.3 ซม.ให้ปัดเป็น 73 ซม.
การคำนวณจะแปลงขนาดเป็นหน่วยนิ้วและพื้นที่เป็นตารางฟุต การคำนวณฟิล์มที่ใช้จริงมักจะมากกว่าที่วัดเนื่องจากมีเศษของฟิล์มซึ่งเกิดจากการตัดจากม้วนฟิล์มมาตรฐานที่มีหน้ากว้าง 60 นิ้ว (หรือประมาณ 150 ซม.)
ในการเตรียมฟิล์มมักจะไม่นิยมการต่อฟิล์ม แต่หากขนาดฟิล์มทั้งด้านกว้างและด้านสูงเกิน 60 นิ้ว ก็จำเป็นจะต้องมีการต่อฟิล์ม ซึ่งอาจจะต่อฟิล์มแนวตั้งหรือแนวนอนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่
วิธีวัดขนาดพื้นที่ติดฟิล์ม
เพื่อประเมินราคา
(เช่น 72.3 cm ให้ปัดเป็น 73 cm)
สีของกระจกหลังจากติดตั้งฟิล์ม
เมื่อมองจากภายนอกสีของกระจกจะเปลี่ยนไปตามชนิดของฟิล์ม เช่น
ระยะเวลาในการติดตั้งฟิล์ม
คำแนะนำการดูแลหลังการติดตั้งฟิล์ม
การรับประกันฟิล์ม
เกร็ดความรู้เบื้องต้น
เกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง
พลังงานแสงอาทิตย์ประกอบด้วย:
ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่งมายังโลกเกิดจากการที่แสงเดินทางด้วยความเร็วสูงมากผ่านชั้นบรรยากาศ จึงเกิดความร้อนตามองค์ประกอบข้างต้น การลดความร้อนรวมจากแสงแดดเป็น % (Total Solar Energy rejected) หรือ TSER ได้จากผลรวมของการลดความร้อนที่เกิดขึ้นจากส่วนประกอบต่างๆ คือแสงที่เรามองเห็นหรือแสงแดด รวมทั้ง UV และ IR ค่า TSER สูงหมายถึงลดความร้อนรวมจากแสงแดดได้มาก
โดยทั่วไปฟิล์มกันร้อนควรจะมีอยู่ในระดับ 50-80% จะช่วยในการลดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าได้ดี จะเห็นได้ว่าตัวการสำคัญของความร้อนมากที่สุดคือ รังสีอินฟราเรดหรือ IR ซึ่งมีองค์ประกอบมากกว่าแสงแดดที่เรามองเห็นเสียอีก ดังนั้นหากต้องการลดความร้อนมากๆ ก็ควรใช้ฟิล์มกรองแสงที่เข้มและกันรังสีอินฟราเรดได้มาก ส่วนอุลตร้าไวโอเล็ต (UV) ซึ่งเป็นรังสีอันตรายนั้น แทบไม่มีผลต่อการลดความร้อนเลย
ชนิดของฟิล์มกรองแสง
ฟิล์มกรองแสงประกอบด้วยชั้นพลาสติกชนิดโพลีเอสเตอร์ ชั้นอนุภาคโลหะ ชั้นสี ชั้นกาว ชั้นกันรอยขีดข่วน และชั้นไลน์เนอร์ซึ่งเป็นแผ่นใสรองฟิล์ม ซ้อนกันอยู่มากมายบนแผ่นฟิล์มบางๆ
ฟิล์มกรองแสงดำ ซึ่งมักจะเป็นฟิล์มแถม ราคาถูก ช่วยลดความร้อนเพียงเล็กน้อยตามค่าความเข้มของฟิล์มเท่านั้น สามารถกันรังสีอินฟราเรด (IR) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการเกิดความร้อนได้น้อยมาก
ฟิล์มกรองแสงลดความร้อน หรือเรียกกันติดปากว่าฟิล์มปรอทนั้น ชั้นของฟิล์มจะหนากว่าเพราะมีชั้นอนุภาคโลหะสะท้อนความร้อนส่วนที่ตามองไม่เห็น ได้แก่รังสีอินฟราเรด (IR) ได้ดี จึงช่วยให้ความร้อนผ่านเข้ามาได้น้อยกว่าฟิล์มดำมาก ส่วนรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตที่มีอันตรายต่อผิวหนัง อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้าและมะเร็งผิวหนัง ตลอดจนทำให้เกิดการซีดจางและแห้งกรอบของวัตถุที่โดนแดดนั้นมีเพียง 3% ซึ่งฟิล์มกรองแสงโดยทั่วไปป้องกันได้เกือบหมดอยู่แล้ว ฟิล์มทั่วไปจึงมักจะมีสเปคกัน UV 99%
ฉะนั้นในการพิจารณาว่าฟิล์มใดลดความร้อนจากแสงแดด (Total Solar Energy Rejected) ได้มากหรือน้อย จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบโดยรวมข้างต้นด้วย
ในส่วนของฟิล์มกรองแสงสำหรับรถยนต์นั้น กระจกบานข้างกับกระจกหลังมักจะใช้สีเดียวกันตามความเข้มของแสงที่ต้องการ แต่ในส่วนบานหน้านั้นมักนิยมใช้ฟิล์มโทนสีเดียวกัน แต่ควรให้แสงส่องผ่านได้ประมาณ 40% ขึ้นไปเพื่อทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่โดยเฉพาะในยามค่ำคืน